รัฐสภาไทย
รัฐสภาไทย
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา
(Parliamentary System) ซึ่งเป็นระบบสภาคู่ (Bicameral
System) คือรัฐสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
มีสมาชิกรวมจำนวนทั้งสิ้น 630 คน
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา
(Parliamentary System) ซึ่งเป็นระบบสภาคู่ (Bicameral
System) คือรัฐสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
มีสมาชิกรวมจำนวนทั้งสิ้น 630 คน
1. โครงสร้าง องค์ประกอบและที่มาของสมาชิกรัฐสภา
แบ่งนำเสนอโครงสร้าง องค์ประกอบและที่มาของสมาชิกรัฐสภา
เป็น 2 ส่วน ตามโครงสร้างของรัฐสภา ดังนี้
แบ่งนำเสนอโครงสร้าง องค์ประกอบและที่มาของสมาชิกรัฐสภา
เป็น 2 ส่วน ตามโครงสร้างของรัฐสภา ดังนี้
1.1 สภาผู้แทนราษฎร
ประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท จำนวนรวม 480 คน ดังนี้
ประเภทแรก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน
400 คน ทั้งนี้
ประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท จำนวนรวม 480 คน ดังนี้
ประเภทแรก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน
400 คน ทั้งนี้
โดยแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นเขตละไม่เกิน 3 คน และผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง
ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เท่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีได้ในเขตเลือกตั้งนั้น
ประเภทที่สอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน จำนวน 80 คน
ทั้งนี้ โดยแบ่งเขต เลือกตั้งเป็น 8 กลุ่มจังหวัด
ทั้งนี้ โดยแบ่งเขต เลือกตั้งเป็น 8 กลุ่มจังหวัด
ให้แต่ละกลุ่มจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และแต่ละเขตให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 10 คน ทั้งนี้
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองที่จัดทำบัญชีรายชื่อ
ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นได้ 1 เสียง
ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นได้ 1 เสียง
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณากำหนดเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 157 เขต
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณากำหนดเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 157 เขต
ส่วนการเลือกตั้งแบบสัดส่วนนั้น แบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 8 เขต เลือกตั้ง ตามกลุ่มจังหวัด 8 กลุ่ม
1.2 วุฒิสภา
ประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท จำนวนรวม 150 คน
ประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท จำนวนรวม 150 คน
ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด จังหวัดละหนึ่งคน
เเละมาจากการสรรหาเท่ากับจำนวนรวมข้างต้นหักด้วยจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการ
เลือกตั้ง ดังนี้
เลือกตั้ง ดังนี้
ประเภทแรก สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด
จังหวัดละ 1 คน ฉะนั้นเมื่อมีจังหวัด 76 จังหวัด จึงมีสมาชิกวุฒิสภาประเภทนี้
รวมจำนวน 76 คน
ประเภทที่สอง สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหา จำนวน 74 คน
จังหวัดละ 1 คน ฉะนั้นเมื่อมีจังหวัด 76 จังหวัด จึงมีสมาชิกวุฒิสภาประเภทนี้
รวมจำนวน 76 คน
ประเภทที่สอง สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหา จำนวน 74 คน
ทั้งนี้ โดยให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ดำเนินการสรรหาและคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อ
ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรวบรวมมาจากการเสนอชื่อขององค์กรในภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาควิชาชีพ และภาคอื่นที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา
ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วยประธาน
ศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประธานกรรมการ
ศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประธานกรรมการ
ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเขต
เลือกตั้งของแต่ละจังหวัดสำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ลงวันที่ 17 ตุลาคม
พ.ศ.2550 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดเขตเลือกตั้งสำหรับการ
เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2550
เลือกตั้งของแต่ละจังหวัดสำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ลงวันที่ 17 ตุลาคม
พ.ศ.2550 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดเขตเลือกตั้งสำหรับการ
เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2550
ตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกามอบหมาย จำนวน 1 คน และตุลาการในศาลปกครองสงูสดุ ทที่ ปี่ ระชมุ ใหญศ่ าลปกครองสงูสดุ มอบหมาย จำนวน 1 คน 2
ระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งกระบวนการคัดเลือกและแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภานั้น ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่ง
สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550
นอกจากมีความแตกต่างกันในส่วนของโครงสร้าง องค์ประกอบ และที่มาดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งกระบวนการคัดเลือกและแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภานั้น ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่ง
สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550
นอกจากมีความแตกต่างกันในส่วนของโครงสร้าง องค์ประกอบ และที่มาดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ในส่วนของคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ
ผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ก็มีความแตกต่างกัน โดยสรุปแล้วรัฐธรรมนูญกำหนดให้
สมาชิกวุฒิสภามีคุณวุฒิสูงกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
ต้องไม่สังกัดหรือเกี่ยวข้อง หรือต้องเป็นอิสระและปลอดจากการเมือง ดังที่
ปรากฎในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ
บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้แทนรา
ผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ก็มีความแตกต่างกัน โดยสรุปแล้วรัฐธรรมนูญกำหนดให้
สมาชิกวุฒิสภามีคุณวุฒิสูงกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
ต้องไม่สังกัดหรือเกี่ยวข้อง หรือต้องเป็นอิสระและปลอดจากการเมือง ดังที่
ปรากฎในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ
บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้แทนรา
1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
3) เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียง
2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
3) เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียง
2. อำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
แม้ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา จะมีที่มาที่แตกต่างกัน
แม้ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา จะมีที่มาที่แตกต่างกัน
บางส่วนมาจากการสรรหาและแต่งตั้ง และแม้ในส่วนที่มาจากการเลือกตั้งก็เป็นการเลือกตั้งที่แตกต่างกัน กล่าวคือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็
แบ่งเป็น 2 แบบ คือการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและการเลือกตั้งแบบ
สัดส่วน ในขณะที่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาก็เป็นอีกระบบหนึ่ง
แต่รัฐธรรมนูญได้กำหนดรับรองสถานะของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด ไม่ว่า
จะมาจากการเลือกตั้งในระบบใด หรือมิได้มาจากการเลือกตั้งก็ตาม ให้สมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเป็น “ผู้แทนปวงชนชาวไทย” ไม่อยู่ใน
ความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติ
หน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ “สภาล่าง”
และ “สภาบน” ได้อย่างสอดคล้องกับหลักการปกครองในระบบรัฐสภา
รัฐธรรมนูญกำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไว้
แตกต่างกัน ดังจะได้กล่าวในรายละเอียดต่อไปนี้
2.1 สภาผู้แทนราษฎร
สภาผู้แทนราษฎรในฐานะ “สภาล่าง” มีบทบาทอำนาจหน้าที่หลัก 4 ด้าน
ได้แก่
แบ่งเป็น 2 แบบ คือการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและการเลือกตั้งแบบ
สัดส่วน ในขณะที่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาก็เป็นอีกระบบหนึ่ง
แต่รัฐธรรมนูญได้กำหนดรับรองสถานะของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด ไม่ว่า
จะมาจากการเลือกตั้งในระบบใด หรือมิได้มาจากการเลือกตั้งก็ตาม ให้สมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเป็น “ผู้แทนปวงชนชาวไทย” ไม่อยู่ใน
ความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติ
หน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ “สภาล่าง”
และ “สภาบน” ได้อย่างสอดคล้องกับหลักการปกครองในระบบรัฐสภา
รัฐธรรมนูญกำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไว้
แตกต่างกัน ดังจะได้กล่าวในรายละเอียดต่อไปนี้
2.1 สภาผู้แทนราษฎร
สภาผู้แทนราษฎรในฐานะ “สภาล่าง” มีบทบาทอำนาจหน้าที่หลัก 4 ด้าน
ได้แก่
(1) ด้านนิติบัญญัติ
(2) ด้านควบคุมตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน
(3) ด้านการเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย
(4) ด้านการพิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องต่างๆ
(2) ด้านควบคุมตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน
(3) ด้านการเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย
(4) ด้านการพิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องต่างๆ
ทั้งนี้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
(1) ด้านนิติบัญญัติ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะเป็นสภาล่างมีอำนาจหน้าที่หลักใน
ด้านนิติบัญญัติ ดังนี้
(1.1) เสนอร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญ7 โดยที่
(1.1.1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน
ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้รัฐสภา
พิจารณาให้ความเห็นชอบได้
(1.1.2) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10
ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน10ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะเป็นสภาล่างมีอำนาจหน้าที่หลักใน
ด้านนิติบัญญัติ ดังนี้
(1.1) เสนอร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญ7 โดยที่
(1.1.1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน
ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้รัฐสภา
พิจารณาให้ความเห็นชอบได้
(1.1.2) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10
ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน10ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
ทั้งนี้ กรณีเป็นร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงิน จะเสนอได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากนายกรัฐมนตรี
(1.2) พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ ร่างพระราช-
บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราช-
บัญญัติและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 8
(1.3) พิจารณาอนุมัติพระราชกำหนด ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้
บังคับพระราชกำหนดแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีเสนอพระราช-กำหนดนั้นต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่อนุมัติ
(1.2) พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ ร่างพระราช-
บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราช-
บัญญัติและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 8
(1.3) พิจารณาอนุมัติพระราชกำหนด ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้
บังคับพระราชกำหนดแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีเสนอพระราช-กำหนดนั้นต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่อนุมัติ
พระราชกำหนดนั้นก็ตกไปโดยไม่ต้องส่งให้วุฒิสภาพิจารณา แต่ถ้าสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติแล้วส่งให้วุฒิสภาพิจารณา วุฒิสภาไม่อนุมัติ ให้ส่งกลับไปยัง
สภาผู้แทนราษฎรเพื่อยืนยันการอนุมัติอีกครั้ง หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติยืนยันด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
ให้พระราชกำหนดมีผลใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป 9
(1.4) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 10
(1.4.1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกับสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรเพื่อยืนยันการอนุมัติอีกครั้ง หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติยืนยันด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
ให้พระราชกำหนดมีผลใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป 9
(1.4) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 10
(1.4.1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกับสมาชิก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น